Sunday, 28 April 2024
NEWS FEED

'ผู้โดยสาร' โวย!! เจอที่นั่งชั้นธุรกิจการบินไทยปรับเอน-นอนไม่ได้ 'ผจก.เที่ยวบิน' รับ!! เสียมาเดือนกว่า แต่ไม่เข้าใจทำไมยังปล่อยขาย

(28 เม.ย. 67) นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตนักการเมือง รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารบริษัท นิว เอ็นเนอร์จี พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับ การเดินทางด้วย เครื่องบินของสายการบินไทย ชั้นธุรกิจ โดยได้ระบุว่า ...

วันนี้ผมมีกำหนดการพาลูกค้าไปดูงานที่ปักกิ่ง โดยตั้งใจอุดหนุนการบินไทย เลือกเดินทางชั้นธุรกิจ จำนวน 6 ท่าน มูลค่าตั๋วหลายแสนบาท
และแจ๊คพ็อตก็เกิดขึ้นกับผม ระหว่างเดินขึ้นเครื่อง ทางฝ่ายภาคพื้นเข้ามาแจ้งว่า 2 ที่นั่งของผมและลูกค้าผมเสีย ไม่สามารถปรับเอน หรือปรับนอนได้แม้แต่น้อย และเอาเงินใส่ซองมาให้ 5,500 บาท พร้อมให้เซ็นยินยอม เสมือนปิดปาก (ปกติราคาค่าตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจไปปักกิ่งเที่ยวละ 33,000 บาท)

เมื่อขึ้นเครื่องฯ หัวหน้าผู้จัดการบนเที่ยวบินได้เดินมาขอโทษและแจ้งว่า 

“สองที่นั่งนี้เสียมาเดือนกว่าแล้ว และพวกเราก็แจ้งแล้วว่าอย่าปล่อยตั๋ว และไม่เข้าใจว่าทำไม การบินไทยยังขายตั๋ว 2 ที่นั่งนี้ เพราะสุดท้ายพวกผมก็ต้องเป็นคนรับหน้า โดนลูกค้าต่อว่า”

และเชื่อมั้ยครับว่า นี่คือครั้งที่สองของผม ที่โดนแบบนี้ในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน
ฉะนั้นเมื่อขนาดข้อความจากหัวหน้าลูกเรือยังไปไม่ถึงผู้บริหารการบินไทย และสินค้ายังเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งนี้ผมจึงเลือกไม่เขียนเอกสาร Complain แบบที่เคยทำอีกต่อไป เพราะพวกคุณคงจะเพียงรับมันแล้วซุกไว้ใต้โต๊ะอีก จึงตัดสินใจเขียนโพสต์นี้เปิดผนึกถึงผู้บริหารการบินไทย

โปรดอย่าเอาคำว่ารักคุณเท่าฟ้า ให้เป็นเพียงวาทกรรม โกหกปลิ้นปล้อน หลอกลวง > ผมในฐานะผู้โดยสารเลือกเดินทางกับการบินไทย เพราะคาดหวังในสินค้า และบริการของการบินไทย และอยากอุดหนุนสายการบินของชาติ

แม้ค่าตั๋วคุณแพงกว่าคนอื่น ผมก็ยังซื้อและอุดหนุน แต่ผู้บริหารคุณกลับไม่มีจิตใจที่เอาความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นตัวตั้งเลย

เพราะหากคุณคิดถึงหัวใจของลูกค้า คุณจะไม่มีทางขายตั๋วสินค้า defect เหล่านี้ และมันตอกย้ำถึงการไร้ Service Mind ของผู้บริหารอย่างมาก เพราะคิดแต่จะขายๆๆๆ เอารายได้เข้าบริษัทอย่างเดียว แม้สินค้าจะเจ๊ง ลูกน้องจะเตือน ก็ช่างมัน

ฉะนั้นวันนี้ผมจะเป็นผู้โดยสารที่จะขอไม่รับเงินค่าชดเชย และไม่เซ็นเอกสารยินยอมใดๆทั้งสิ้น

> เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารท่านอื่นต้องมาเจออะไรแบบนี้
> เพื่อไม่ให้นทท.ที่มาเที่ยวไทย ต้องเจอสินค้าที่พัง
> เพื่อให้คุณรู้จักรับฟังเสียงของลูกเรือมากกว่านี้
> เพื่อให้คุณหยุดหลอกลวง โฆษณาเกินจริง โดยต้องพัฒนาและตรวจเช็คสินค้าให้ดีกว่านี้

1.) ผมจะดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายกับผู้บริหารการบินไทย เพื่อเรียกร้องให้ผู้บริหารชุดนี้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก เพราะเคยเขียน report complain แล้ว > แต่ไม่แก้ไข พนักงานบนเครื่องตกเป็นแพะ > ผู้บริหารองค์กรไม่เคยต้องรับผิดชอบใดๆ
2.) ผมจะดำเนินการร้องเรียนคณะกรรมาธิการคมนาคม ให้ตรวจสอบสินค้าที่เป็น defect ของเครื่องการบินไทย รวมถึงแนวทางป้องกันแก้ไข / จากที่ผมได้พูดคุยสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ทราบว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้ประจำหลายเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเก้าอี้เสีย, IFE เสีย หรืออุปกรณ์อื่นๆเสีย จนลูกเรือเอือมระอา ต้องโดนผู้โดยสารต่อว่า เสียความรู้สึกทั้งพนักงานและผดส. และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการบินไทยอย่างมาก
> ช่วยการบินไทยประหยัดเงินค่าชดเชย  
> เอาผู้บริหารที่ห่วยแตกลาออกยกชุด  
> เงินสายการบินชาติอยู่ครบ พร้อมได้คนใหม่ที่ดีกว่ามาบริหารแทน  

ด้วยความปรารถนาดี
ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส

นาวิกโยธิน-อเมริกา บุกพัทยาคืนแรก ยังไม่คึกคักคาดพรุ่งนี้แน่นพัทยา

จากกรณี เมื่อคืนวันที่ 26 เมย 67 นาวิกโยธินอเมริกัน กว่า 6,000 นายจากกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 9  ( CSG – 9 ) เรือธง USS Theodore Roosevelt (CVN 71 ) และกองบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน (CVW ) ที่ 11 รวม 6,000 กว่านาย จะจอดเทียบท่าที่ ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อพักผ่อนประจำปี เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และจุดมุ่งหมายหลักที่กลุ่มนาวิกโยธินต้องการไปเที่ยวคือเมืองพัทยา เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ทำให้นักธุรกิจสถานบริการต่างยิ้มรับกับการเข้ามาในครั้งนี้ เพราะคาดว่าจะมีการจับจ่ายเงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท ในช่วงนี้แน่นอน

จากการลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ย่านวอล์กกิ้งสตรีทพัทยาใต้ พบว่าบรรดาทหารอเมริกันต่างกระจัดกระจายกันเข้าใช้บริการสถานประกอบการ ต่างๆ เป็นกลุ่ม เช่น อะโกโก้ และบาร์เบียร์บ้างเนื่องจากบาร์เบียร์ มีมากมายทำให้ดูว่าไม่คึกคักเหมือนก่อน อาจจะเป็นเพราะคืนนี้ เป็นคืนแรกยังมีทหารนาวิกโยธิน อเมริกัน ยังคงไม่ขึ้นฝั่งก็เป็นได้ 

นายสุนทร ( ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของอะโกโก้ ภายในวอล์กกิ้งสตรีท กล่าว่า ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นต้นมา นักธุรกิจย่ำแย่มาตลอด พอเมืองพัทยาจัดสงกราต์ ทำให้ภาคธุรกิจลืมตาอ้าปากได้บ้าง และการยกลขึ้นบกของทหารอเมริกัน ในครั้งนี้ยิ่งทำให้ชาวพัทยายิ้มออกได้เต็มที่ เพราะคาดว่าเงินจะสะพัดหลายร้อยล้านบาทแน่นอน ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยว และอยากให้ชาวพัทยา เป็นเจ้าบ้านที่ดีดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีเขาจะได้ประทับใจ บอกต่อเป็นผลดีแก่การท่องเที่ยวพัทยา

ด้านคุณไก่ เจ้าของอะโกโก้ และคุณคริส ผู้จัดการ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวว่า เศรษฐกิจของพัทยาดีขึ้น รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่มีทหารอเมริกันเข้ามาท่องเที่ยวในพัทยา และร้าน XS อะโกโก้ มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ที่ทหารอเมริกันได้มาท่องเที่ยวที่ร้านของตน ส่วนในเรื่องรายได้นั้นมีความฟื้นฟูต่อเนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจชาวพัทยาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกล่าวขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวพัทยา

คุณลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน เมืองพัทยา กล่าว่าผู้ประกอบการสถานบันเทิงเมืองพัทยาตื่นเต้นที่ทหารอเมริกันยกพลขึ้นบกเมืองพัทยาเพราะคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดมากมายเหมือนอดีตที่ผ่านมา แต่กลายเป็นทหารเหล่านั้นเปลี่ยนพฤติกรรมไปเดินตามชายหาดหรือเดินจับจ่ายตามห้าง อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน หรือเพราะกฎระเบียบของทางฝ่ายรักษาความปลอดภัยของทางอเมริกันเองก็เป็นได้ เพราะครั้งนี้มีระยะเวลาจำกัดในการอยู่บนบก เพราะกลัวจะเกิดเหตุทหารเมา และก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันทำให้สร้างความเดือดร้อนต่อส่วนรวมก็เป็นไปได้ แต่ต้องรอดูวันต่อไปอีกที

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

‘อิรัก’ ออกกฎหมายต่อต้าน LGBTQ  โทษจำคุกสูงสุด 15 ปี แค่ส่งเสริมก็ถือว่าผิด 

(28 เม.ย. 67) รัฐสภาอิรักผ่านกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันโดยมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ในความเคลื่อนไหวที่รัฐสภาอิรักระบุว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาคุณค่าทางศาสนา

เอกสารสำเนากฎหมายระบุว่า กฎหมายนี้มีเป้าหมาย เพื่อปกป้องสังคมอิรักจากความเสื่อมทรามทางศีลธรรมและกระแสการเรียกร้องให้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศที่กำลังครอบงำโลก

กฏหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคมุสลิมนิกายชีอะห์หัวอนุรักษ์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐสภาอิรัก

กฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการค้าประเวณีและการรักร่วมเพศ” กำหนดให้บุคคลใดที่มีความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน จะต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 10 ปีและสูงสุด 15 ปี และต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 7 ปีสำหรับใครก็ตามที่ส่งเสริมการรักร่วมเพศหรือการค้าประเวณี

กฎหมายยังกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงเพศทางชีวภาพถือเป็นอาชญากรรม และลงโทษคนข้ามเพศและแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี

เดิมร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอให้มีโทษประหารชีวิตด้วย แต่ได้รับการแก้ไขก่อนที่จะผ่านการพิจารณา ภายหลังการต่อต้านอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ และชาติยุโรป

ก่อนหน้านี้ อิรักไม่ได้กำหนดความผิดทางอาญาต่อกิจกรรมทางเพศของคนเพศเดียวกันอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีการใช้มาตราศีลธรรมที่กำหนดไว้อย่างหลวม ๆ ในประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่ม LGBTQ และเคยเกิดกรณีที่ชาว LGBTQ ถูกกลุ่มสังหารเช่นกัน

ราชา ยูเนส รองผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิ LGBTQ ขององค์กรฮิวแมนไรต์สวอตช์ กล่าวว่า “การที่รัฐสภาอิรักผ่านกฎหมายต่อต้าน LGBT ถือเป็นการตอกย้ำประวัติการละเมิดสิทธิของกลุ่ม LGBTQ ที่น่าตกใจของอิรัก และส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน”

ด้าน ราซอว์ ซาลิฮี จากแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล บอกว่า “การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของ LGBTI ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และทำให้ชาวอิรักตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งชีวิตของพวกเขาถูกไล่ล่าทุกวัน”

ในปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองใหญ่ ๆ ของอิรักได้วิพากษ์วิจารณ์สิทธิของ LGBTQ มากขึ้น โดยธงสีรุ้งมักถูกเผาในการประท้วงโดยกลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์อนุรักษ์นิยม

ปัจจุบัน มีมากกว่า 60 ประเทศที่กำหนดความผิดทางอาญาสำหรับพฤติกรรมของคนรักเพศเดียวกัน ขณะที่มีกว่า 130 ประเทศรับรองหรือเปิดกว้างต่อความรักทุกรูปแบบ

เปิดข้อมูล ฟาดใส่ คนให้ร้าย ทำลายประเทศชาติ จากคลิป ‘กระxรี่อยู่ไหน’ ชี้ชัด!! ทหารสหรัฐฯ ตั้งใจมา ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพลิดเพลินกับซอฟต์พาวเวอร์

(28 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง’ ได้โพสต์ข้อความ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อชี้แจง กรณีมีผู้ที่เล่นสนุกด้วยความคึกคะนอง ไม่สนใจความเสียหายของประเทศไทย ทำคลิป  ‘กระxรี่อยู่ไหน’ ดูหมิ่นประเทศไทย โดยได้ให้ข้อมูลอีกมุม ระบุว่า ...

คนที่เล่นมุก " กระxรี่อยู่ไหน, Soft power พัทยา " หนูขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง

บนเรือรบสหรัฐมีทหารและเจ้าหน้าที่รวมกว่า 6,000 คน เป็นผู้หญิง 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 คน และ มีผู้หญิงไทย ที่ได้กรีนการ์ดเป็นทหารประจำการบนเรือด้วยค่ะ

เรือรบลำนี้ไม่ได้เทียบท่ามากว่า 4 เดือน ทำให้บางครอบครัวของทหาร บินมาไทยเพื่อหวังได้เจอหน้าทหาร ที่เป็นลูกหรือสามีตามแต่ละครอบครัว

ทหารส่วนใหญ่จึงตั้งใจมาพักผ่อน ท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับซอฟต์พาวเวอร์ทางวัฒนธรรมจริงๆ ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวที่เขารัก

ดังนั้น การจะเล่นมุกเพื่อความสนุกปากหรือความสะใจ ตีขลุมว่ามา6พันคนแล้วจะมาเที่ยวผู้หญิงอย่างเดียวมันเป็นการไม่ให้เกียรติทั้งคนของเขาและผู้หญิงไทยเองด้วยค่ะ

ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีทหารไปเที่ยวผู้หญิง แต่การชี้นำไปแต่เรื่องเหยียดเพศ เหยียดอาชีพ แบบนี้หนูว่ามันไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศชาติเลย

ถ้าไม่รักประเทศ ขอให้คิดถึง ผู้หญิงไทยที่ทำงานบนเรือด้วยค่ะ พวกเธอจะรู้สึกอย่างไรที่พยายามทำชื่อเสียงให้ประเทศ แต่คนในชาติบางคนพยายามเหยียบย่ำเธอให้จมดิน ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณภาพ Defense Info TH

ดนตรีในสวน ‘เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10’ วันนี้ที่ ‘สวนรถไฟ’ จัดอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้ปชช. ได้สัมผัสกับ บทเพลงพระราชนิพนธ์

(28 เม.ย. 67) ทุกวันที่ 28 ของทุกเดือน ตลอดปี พ.ศ.2567 คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กำหนดให้จัดกิจกรรมดนตรีในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยความร่วมมือของกรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร รวมถึงเหล่าศิลปิน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมรับฟังบทเพลงอันไพเราะและทรงคุณค่า

เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และบทเพลงทั่วไป ในบรรยากาศสวนสวยใจกลางกรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดปีมหามงคล และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ

โดยในวันที่ 28 เม.ย.2567 กิจกรรมดนตรีในสวน มีกำหนดจัดขึ้น ณ สวนวชิรเบญจทัศ หรือ สวนรถไฟ ประชาชนสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป นอกจากบทเพลงจากวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีกลุ่มศิลปินนำโดย คุณโฉมฉาย อรุณฉาน และศิลปินรุ่นใหม่ จากการประกวดในรายการเพลงเอกร่วมขับร้องบทเพลงอันไพเราะ เช่น ธัช กิตติธัช แชมป์รายการเพลงเอกซีซัน 1 แบ๊งค์ เฉลิมรัฐ จุลโลบล แชมป์รายการเพลงเอกซีซัน 2 เซม ภานุรุจ พงพิทักษ์กุล แชมป์รายการเพลงเอกซีซัน 3 และ โอ๋ ชุติมา แก้วเนียม ผู้ร่วมประกวดรายการเพลงเอกซีซัน 2

ในปีมหามงคลนี้ ทางคณะกรรมการฯ ก็ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเข้าร่วมกิจกรรมที่รัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนทั่วประเทศ พร้อมใจจัดขึ้นตลอดทั้งปีนี้

สำหรับการจัดกิจกรรมดนตรี นับเป็น Soft Power สาขาหนึ่ง จาก 11 สาขา ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และเป็นสื่อกลางที่สร้างความสามัคคีกลมเกลียวของคนในชาติ ช่วยส่งเสริมความรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำให้ประเทศไทยเกิดความสงบสุขภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

‘กรมอุตุ’ โต้ข่าวปลอม เมืองไทยร้อน ถึงเดือนกันยาฯ แจง!! กลางเดือนพฤษภาฯ จะเริ่มมีฝนตก มาคลายร้อน 

(28 เม.ย. 67) ตามที่มีสื่อสังคมออนไลน์ ได้เผยแพร่และแจ้งเตือน วิกฤตโลกอากาศสุดขั้วไทยร้อนต่อถึงเดือนกันยายน นั้น กรมอุตุนิยมวิทยาขอชี้แจงว่า

ฤดูร้อนของประเทศไทย โดยปกติจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ของทุกปี รวมระยะเวลาราว 2 เดือนครึ่ง โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่โลกเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ และดวงอาทิตย์จะทำมุมตั้งฉากกับเขตโซนร้อนพอดี (เนื่องจากประเทศเราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมาก)

โดยเฉพาะเดือนเมษายน บริเวณประเทศไทย ดวงอาทิตย์จะอยู่เกือบตรงศีรษะในเวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์เต็มที่ ในช่วงฤดูร้อน ทิศทางลมมีความแปรปรวน บางวันลมมีกำลังอ่อน ประกอบกับมักมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมอยู่เป็นประจำ จึงทำให้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิบางวันสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส

แต่พอเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงประมาณกลางเดือนตุลาคม ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมที่มีความชื้นพัดปกคลุมประเทศไทย ลมนี้ยังช่วยระบายอากาศร้อน และทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นโดยทั่วไป ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของอากาศคลายความร้อนลงได้

ดังนั้นเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงปลายของฤดูฝน โดยปกติจะมีฝนตกชุกเกือบทุกภาคของประเทศไทย อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศจะไม่สูงนัก เนื่องจากมีฝนตก ความชื้นสูง มรสุมมีกำลังแรง สถานการณ์ความร้อนจะคลื่คลายลง จึงไม่เกิดวิกฤตโลกอากาศสุดขั้วไทยร้อนถึงกันยายน

หากมีสภาพอากาศที่คาดว่าจะมึความรุนแรงและมีผลกระทบ กรมอุตุนิยมวิทยา จะออกประกาศให้ทราบทันที และขอให้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศเป็นระยะๆ

‘บีทีเอส’ เร่งเยียวยา ผู้โดยสาร 3 รายที่ติดลิฟต์ ‘สถานีแบริ่ง’ พร้อมรับผิด ขอปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อให้ ‘สะดวก-ปลอดภัย’ 

(28 เม.ย. 67) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เปิดเผย ถึงกรณีผู้โดยสารติดลิฟต์ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง (E14) ในช่วงเวลา 17.21 น. ของเมื่อวานนี้ (27 เม.ย.)ว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้โดยสารจำนวน 3 ราย ติดอยู่ภายในลิฟต์ ทางเจ้าหน้าที่ของสถานีจึงได้ดำเนินการประสานงานไปยังฝ่ายซ่อมบำรุงเพื่อเร่งแก้ไขในทันที

ทั้งนี้ได้เตรียมการปฐมพยาบาล และช่วยเหลือผู้โดยสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานได้เร่งดำเนินการแก้ไขลิฟต์ และช่วยเหลือผู้โดยสารทั้ง 3 ราย ออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่พบว่าผู้โดยสารมีอาการอ่อนเพลีย จึงได้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ณ ห้องปฐมพยาบาลของสถานีแบริ่ง เมื่อผู้โดยสารมีอาการดีขึ้นจึงได้เดินทางต่อไป

บริษัทฯ กราบขออภัยผู้โดยสาร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการเยียวยาผู้โดยสารทั้ง 3 ราย และจะปรับปรุงระบบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวก และปลอดภัยกับผู้โดยสารมากที่สุด

ทั้งนี้หากผู้โดยสารพบเห็น หรือประสบเหตุลิฟต์ขัดข้องสามารถแจ้ง ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส
โทรศัพท์ 02 – 617- 6000 Line official : @btsskytrain

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนสายใต้สะดือ ต้องระวัง 4 ภัยมิจฉาชีพ ที่พุ่งเป้ามาที่คุณ

วันนี้ (28 เมษายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพที่มีเป้าหมายเป็นบรรดาหนุ่มสาวสายใต้สะดือ หรือผู้ที่มีชื่นชอบในพฤติกรรมกามารมณ์ โดยใช้กลวิธีต่าง ๆ ในการหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน หรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากผู้เสียหาย

ซึ่งภัยมิจฉาชีพที่พุ่งเป้ามาที่บรรดาสายใต้สะดือ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

1. “หลอกโอนเงินค่าซื้อ-ขายบริการทางเพศ” มักจะมาในรูปแบบเพจหรือกลุ่มลับนัดซื้อ-ขายบริการทางเพศ เมื่อติดต่อไปก็จะชักชวนให้เลือกคู่นอน โดยมีภาพหญิงสาวให้เลือกหลายคน เมื่อเหยื่อตัดสินใจเลือกแล้ว คนร้ายจะให้ติดต่อเพื่อนัดหมาย โดยจะใช้กลอุบายต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินให้ก่อน เช่น ต้องจองเวลา ต้องจ่ายค่าห้อง ต้องจ่ายค่าเดินทาง หรือถ้าโอนเงินมาก่อนจะได้รับโปรโมชันพิเศษ เป็นต้น

2. “หลอกถ่ายคลิปลามกอนาจาร” มักจะมาในรูปแบบบัญชีหนุ่มหล่อสาวสวย คุยสร้างความสัมพันธ์ จากนั้นจะชักชวนให้วิดีโอคอลขณะสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง หากหลงเชื่อก็จะถูกบันทึกภาพขณะทำกิจกรรมดังกล่าว จากนั้นมิจฉาชีพก็จะส่งคลิปมาข่มขู่เพื่อเอาทรัพย์สิน แลกกับการไม่เผยแพร่คลิปวิดีโอ

3. “หลอกชวนมีเพศสัมพันธ์” มักจะมาในรูปแบบบัญชีหนุ่มหล่อสาวสวย คุยสร้างความสัมพันธ์ จากนั้นจะนัดให้ไปร่วมหลับนอน ซึ่งเมื่อพบตัวจริงอาจไม่ตรงกับรูปในโปรไฟล์ หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ เช่น การชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ การข่มขืน หรือการแอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

4. “หลอกขายภาพ-คลิปลามก” มักจะมาในรูปแบบบัญชีหนุ่มหล่อสาวสวย เพจคนกลางซื้อขาย หรือกลุ่มลับต่าง ๆ ชักชวนพูดคุย อ้างว่าถ้าจ่ายเงินให้ จะส่งภาพและคลิปลามกของตนเองหรือหนุ่มสาวในสังกัดให้ดู แต่เมื่อจ่ายเงิน กลับได้แค่ภาพทั่วไป ไม่ได้ภาพและคลิปลามก จากนั้นคนร้ายหลอกเรียกเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  อ้างว่าเป็นค่าประกันความเสี่ยงต่าง ๆ จนเหยื่อได้รับความเสียหายจำนวนมาก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในรูปแบบดังกล่าว และขอให้คอยสอดส่องบุตรหลานของท่านและบุคคลในครอบครัว ที่เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ และสำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘นิด้าโพล’ เผย ปชช. ไม่เชื่อ ‘พ.ร.บ.กลาโหมฯ’ จะป้องกันรัฐประหารได้ มองเหตุการณ์ยึดอำนาจปี 57 ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ของประเทศไทย 

(28 เม.ย. 67) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง หยุดรัฐประหาร! ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน 2567 โดยเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมจะช่วยป้องกันการรัฐประหาร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 25.73 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 12.52 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.72 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 3.20 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

และเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการทำรัฐประหารในปี 2557 จะเป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 61.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 8.24 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.11 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 3.44 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘สาวจีน’ เข้าขอบคุณ ‘สนง.กฎหมายดีทีแอล’ ช่วยทวงความยุติธรรม หลังถูกสามีผลักตกหน้าผา หวังฮุบสมบัติ เมื่อ 5 ปีก่อน

(27 เม.ย. 67) คุณมัทนา มูลจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสำนักงานกฎหมายดีทีแอล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Matthana Moonjan’ ถึงกรณีหญิงนักท่องเที่ยวชาวจีน เข้ามาแสดงความขอบคุณที่เคยได้ช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย หลังรอดชีวิตจากการถูกสามีผลักตกหน้าผา โดยระบุว่า...

“ดีใจที่เขายังจำเราได้ และกลับมาขอบคุณเราอีกครั้ง เนื่องด้วยคดีนี้เราทำตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนถึงศาลฎีกา ต่อสู้เอาความยุติธรรมมาให้เขาให้ได้มากที่สุด ๆ ตื้นตันมากที่เขากลับมาขอบคุณพร้อมทั้งมอบ ธงเชิดชูความดีให้กับทางสำนักกฎหมายดีทีแอลของเรา”

คุณมัทนา ระบุอีกว่า “วันนั้นกับสภาพจิตใจของคนต่างชาติที่ถูกกระทำแล้วไม่ไว้ใจใครเลย ระแวงไปหมดทุกอย่าง หาที่พึ่งไม่ได้ สุดท้ายมาขอความช่วยเหลือจากสำนักงานกฎหมายดีทีแอล เราทำให้เขาไว้ใจ ทำให้เขาอุ่นใจ ทำให้เขาสบายใจ และเชื่อมั่นกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และร่วมฝ่าฟันอุปสรรคกับเขาตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนถึงศาลชั้นฎีกาสุดท้าย ได้ผลที่ตัวคุณหวางหนานเอง พอใจกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และชื่นชมกับหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยที่ให้ความยุติธรรมและช่วยเหลือเขา”

“ในครั้งนี้เขายังพูดอีกว่าสิ่งที่เขาอยากจะทำคืออย่าให้ข่าวสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอาไปแปดเปื้อนกับความดีของประเทศไทยที่มีอยู่ เพราะในประเทศไทยก็ยังมีความยุติธรรมและก็มีคนเชื่อถือได้ คนที่ช่วยเหลือคนที่มีจิตใจดีถึงทำให้เขาได้ความยุติธรรมมาจนถึงทุกวันนี้” คุณมัทนาระบุ

คุณมัทนาระบุทิ้งท้ายว่า “ยืนหยัดในการเรียกร้องชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านบวกกลับขึ้นมา เพราะเราคือคนไทยคนหนึ่งและเป็นสิ่งเดียวที่เราคนไทยทุกคนสามารถช่วยกันทำได้” 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน นางหวาง ชาวจีนจากเมืองเจียงซู ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนมาเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พร้อมกับนายยู เสี่ยวตง ผู้เป็นสามี เช้าวันที่ 9 มิ.ย. 2562 ได้พลัดตกหน้าผาอเล็กซานเดอร์มหาราช ความสูง 34 เมตร ลงไปถูกต้นไม้เบื้องล่าง ก่อนร่างกระแทกพื้น ทำให้กระดูกต้นขาซ้ายหัก กระดูกเข่าแตกทั้งสองข้าง แขนซ้ายหัก ไหปลาร้าซ้ายหัก กระดูกเชิงกรานหัก ตาขวาช้ำ และมีบาดแผลตามใบหน้า ส่วนบุตรในครรภ์เสียชีวิตในเวลาต่อมา เพราะผลกระทบจากการที่นางหวางกินยาระหว่างรักษาตัว 

ทีแรกนางหวังยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกับสามี แต่ที่ตกลงไปเพราะหน้ามืดจากอาการตั้งครรภ์ ขณะที่นายยูอ้างว่าได้แยกตัวไปเข้าห้องน้ำ กลับมาอีกทีก็ไม่พบภรรยา และได้ยินเสียงรถพยาบาล จึงตามมาดูและรู้ว่าภรรยาตกลงไปแล้ว

แต่ภายหลังนางหวางให้การกับตำรวจว่า นายยู สามีตั้งใจจะฆ่าโดยผลักตกมาจากหน้าผาเพราะหวังจะฮุบสมบัติ แต่ที่ไม่บอกแต่แรกเนื่องจากเกรงว่าสามีจะทำร้ายตนและลูกในท้อง และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนอย่าง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ระบุว่า ระหว่างที่ยืนบนหน้าผา นายยูค่อย ๆ หอมแก้ม นางหวังหลับตาเคลิ้ม ก่อนที่นายยูจะกล่าวว่า "ลงนรกไปซะ" แล้วผลักนางหวังลงจากหน้าผา ที่ผ่านมานายยูแสร้งทำเป็นร่ำรวย แต่กลับสร้างหนี้สินมากมายเพราะติดการพนัน เคยให้นางหวางช่วยใช้หนี้ 2 ล้านหยวน แต่นางหวางให้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้หามาเอง เพื่อนเคยเตือนให้ระวังตัว แต่ด้วยรักและไว้ใจจึงมาเที่ยวด้วยกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top